Wut 's coming next for next week inside ASEAN Summit in Thailand???

Wut s cool???
Big negotiate or big BENEFIT EXCHANGE???
where is Best Resource point about ENERGY Treasure for this region????
Somewhere ???near your country???border or unborderline????how better about govern or manage or fair sharing????
who Must take benefit???
who the owner of the Best offer or presentation of co-base benefit???
and who are donor or supporting...and who get both????????
RUN fast into great cooperation for BEST BALANCE ABOUT NEXT POWER CHANGE OF WORLD INFLUENCE BALANCE...change or move power to ASIA?????
MORE CHANGE???
STARE THIS...IN NEXT WEEK!!!!!

16 leaders will attend 15th ASEAN Summit in Thailand BANGKOK, Sept 21 (TNA) - Leaders of 16 nations confirmed their attendance at the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) Summit in Thai seaside resorts at the end of October, according to a senior official of the Thai Ministry of Foreign Affairs. A launching ceremony of “ASEAN: Portrait of a Community” On 2 October 2009, Advisor to the Minister of Foreign Affairs presided over the launching ceremony of the book “ASEAN: Portrait of a Community” and an exhibition of water colour paintings at Siam Paragon. A launching ceremony of “ASEAN: Portrait of a Community” On 7 October 2009, Foreign Minister Kasit Piromya presided over the launching ceremony of the book “ASEAN: Portrait of a Community” and an exhibition of water colour paintings at Central World. “Enhancing Connectivity, Empowering Peoples” “Enhancing Connectivity, Empowering Peoples” is the official theme for the 15th ASEAN Summit and Related Summits, to be held during 23-25 October in Cha-am Hua Hin. Foreign Minister Kasit co-chaired ASEAN-MERCOSUR Ministerial Meeting and had bilateral talks during the 64th Session of the UNGA 25 September 2009, Foreign Minister Kasit Piromya co-chaired the ASEAN-MERCOSUR Ministerial Meeting as well as took part in the ASEAN-GCC Ministerial Meeting and the 4th Ministerial Meeting on Interfaith Dialogue and Cooperation for Peace. He also had bilateral discussions with his counterparts from Egypt, Kazakhstan, Bosnia-Herzegovina and San Marino. Thailand Joins the Battle against Climate Change The Thai government takes the challenge of climate change seriously. Its priority is to make sure that climate change does not adversely affect sustainable development, economic growth, or poverty eradication. Thailand and Its ASEAN Partners Sign the ASEAN-India Trade in Goods Agreement Thailand and its other ASEAN partners have signed the ASEAN-India Trade in Goods Agreement and other related accords under the ASEAN-India Free Trade Agreement. Thailand Is Proud of Its Vital Roles in ASEAN Thailand is proud to have played some vital roles during the growth and the increased integration of the region. Prime Minister Abhisit Vejjajiva cited the performance of ASEAN in the past 42 years as a great success. Investment in Thailand to Be Investment for the People of ASEAN Thailand offers investors opportunities not just for its population of 64 million, but also for the 560 million people in the ASEAN region. Prime Minister Abhisit Vejjajiva said that Thailand wanted to serve as a gateway to other Southeast Asian countries and beyond. Thailand Sees APEC and ASEAN Complementing Each Other Thailand has stressed the need for the Asia-Pacific Economic Cooperation (APEC) and the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) to be taken together as part and parcel of the broader regional and global economic landscape. Thailand and Its ASEAN Partners to Launch the ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights Thailand will join its ASEAN partners in launching the ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights at the 15th ASEAN Summit, to be held in Phuket, southern Thailand, on 23-25 October 2009. Foreign Minister speaks on “Thailand and ASEAN” On 10 September 2009, Mr. Kasit Piromya, Minister of Foreign Affairs, delivered a speech on “Thailand and ASEAN” at the Conference Hall of Ramkhamhaeng University. Gist as follows: Thailand: Statement 2009 UN Climate Change Summit

ผู้นำ 16 ชาติตอบรับร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15
กระทรวง การต่างประเทศ 21 ก.ย.- อธิบดีกรมอาเซียน เผยผู้นำ 16 ชาติตอบรับเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 23-25 ต.ค. ที่โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ย้ำใช้มาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยเหมือนครั้งที่แล้ว

ความเป็นมาของอาเชียน เขียนโดย สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ Thursday, 06 November 2008 สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(Association of Southeast Asian Nations) การจัดตั้ง สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือ อาเซียน ได้รับการจัดตั้งขึ้นในวันที่ 8 สิงหาคม 2510 ณ วังสราญรมย์ ในกระทรวงการต่างประเทศ กรุงเทพมหานคร โดยมีประเทศสมาชิกเริ่มแรก 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต่อมา บรูไน ดารุสซาลามได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในวันที่ 8 มกราคม 2527 เวียดนามได้เข้าร่วมเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2538 ลาวและพม่าเข้าร่วมเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2540 และกัมพูชาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2542 ภูมิภาคอาเซียนนั้น ประกอบด้วยประชากรประมาณ 567 ล้านคน มีพื้นที่โดยรวม 4.5 ล้านตารางกิโลเมตร ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติประมาณ 1,100 พันล้านดอลลาร์ และรายได้โดยรวมจากการค้าประมาณ 1,400 พันล้านดอลลาร์ (สถิติในปี 2550) วัตถุประสงค์ ปฏิญญาอาเซียน (The ASEAN Declaration) ได้ระบุว่า เป้าหมายและจุดประสงค์ของอาเซียน คือ 1) เร่งรัดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคมและการพัฒนาวัฒนธรรม ในภูมิภาค และ 2) ส่ง เสริมสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค โดยการเคารพหลักความยุติธรรมและ หลักนิติธรรมในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิภาค ตลอดจนยึดมั่นในหลักการแห่ง กฎบัตรสหประชาชาติ ในโอกาสครบรอบ 30 ปีของการก่อตั้งอาเซียน ในปี 2540 (ค.ศ.1997) ผู้นำของประเทศสมาชิกอาเซียนได้รับรอง “วิสัยทัศน์อาเซียน 2020” (ASEAN Vision 2020) โดย เห็นพ้องกันในวิสัยทัศน์ร่วมของอาเซียนที่จะเป็นวงสมานฉันท์ในภูมิภาคตะวัน ออกเฉียงใต้ ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับภายนอก การใช้ชีวิตในสภาพที่มีสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ผูกมัดกันเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนา ที่มีพลวัตและในประชาคมที่มีความเอื้ออาทรระหว่างกัน ปี 2546 ผู้นำอาเซียนได้เห็นพ้องกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซียนที่ประกอบด้วย 3 เสาหลัก อันได้แก่ ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political-Security Community–ASC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community-AEC) และประชาคมสังคม-วัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community-ASCC) ภายในปี 2563 ต่อมา ในการ ประชุม สุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 12 ที่เมืองเซบู ฟิลิปปินส์ ผู้นำประเทศอาเซียนตกลงที่จะเร่งรัดกระบวนการสร้างประชาคมอาเซียนให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 หลักการพื้นฐานของความร่วมมือ ประเทศ สมาชิกอาเซียนได้ยอมรับในการปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานในการดำเนินความ สัมพันธ์ระหว่างกัน อันปรากฏอยู่ในสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียง ใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia หรือ TAC) ซึ่งประกอบด้วย 1.การเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเท่าเทียม บูรณาการแห่งดินแดนและเอกลักษณ์ประจำชาติของทุกชาติ 2.สิทธิของทุกรัฐในการดำรงอยู่โดยปราศจากจากการแทรกแซง การโค่นล้มอธิปไตยหรือการบีบบังคับจากภายนอก 3.หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน 4.ระงับความแตกต่างหรือข้อพิพาทโดยสันติวิธี 5.การไม่ใช้การขู่บังคับ หรือการใช้กำลัง และความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพระหว่างประเทศสมาชิก แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( Thursday, 06 November 2008 )

please select language : English ไทย ภาพกิจกรรมอาเซียน

http://www.15thaseansummit-th.org/thai/index.php

http://thainews.prd.go.th/14th_aseansummit/index.php?option=com_content&task=view&id=1&Itemid=2

นายกรัฐมนตรีย้ำอีก 6 ปีข้างหน้าอาเซียนจะรวมตัวเป็นตลาดใหญ

นายกรัฐมนตรีระบุปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับยูเอ็นมา 9 เดือนแล้ว ชี้เศรษฐกิจของอาเซียนเมื่อรวมตัวเป็นประชาคมอีก 6 ปีข้างหน้าจะเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เกือบ 600 ล้านคน

วันนี้ (24 ก.ย.) เวลา 19.15 น. (ตามเวลาในประเทศไทย) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เข้ามายังรายการข่าวภาคค่ำของสถานีวิทยุโทรทัศน์กอง ทัพบก ช่อง 5 จากนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวชุมนุมไปยังอาคารสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ประจำประเทศไทย เพื่อแสดงท่าทีไม่ยอมรับการทำหน้าที่บนเวทีโลก ว่า เพิ่งได้ยิน ซึ่งตนเองก็ปฏิบัติภารกิจที่เกี่ยวข้องกับยูเอ็นมา 9 เดือนแล้ว

ผู้ สื่อข่าวถามว่า จะทำให้การสร้างความเชื่อมั่นในมุมมองต่างประเทศยากลำบากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ เพราะทุกประเทศเองก็มีการประท้วง ในการประชุมยูเอ็นขณะนี้ก็มีการประท้วงเช่นกัน

ผู้ สื่อข่าวถามว่า ในฐานะประธานอาเซียนมองว่าต่างชาติให้ความสำคัญกับกลุ่มประเทศในภูมิภาค เอเชียและอาเซียนมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความคาดหวังค่อนข้างสูงกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียว่าจะ เป็นภูมิภาคที่จะมีส่วนช่วยทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกดีขึ้น รวมไปถึงศักยภาพของการขยายตัวต่อไป ก็เป็นสิ่งที่ส่งผลมาถึงอาเซียนด้วย เพราะเราถือว่าอาเซียนเป็นองค์ประกอบสำคัญ การพูดคุยกับหลายๆ กลุ่มได้ชี้ให้เห็นว่าเอเชียที่เคยมองแต่ประเทศจีนและอินเดียเป็นหลัก ความจริงก็ยังมีเศรษฐกิจของอาเซียนซึ่งเมื่อมีการรวมตัวเป็นประชาคม อีก 6 ปีข้างหน้าก็จะเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่เกือบ 600 ล้านคน แต่คงไม่ไปเทียบเท่ากับประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปเพราะการรวมตัวของเรายังอยู่ใน ขั้นต้น แต่ก็จะเห็นถึงศักยภาพในการลงทุนกับการเข้ามาตั้งฐานในการผลิต

ที่มา : http://media.thaigov.go.th

ประกาศพื้นที่ความมั่นคงดูแลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15

คกก.เตรียม การจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เตรียมประกาศพื้นที่ความมั่นคงดูแลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 พล.อ.ประวิตร" ยืนยัน ไม่ห่วงเรื่องการรับมือการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน

ทำเนียบ รัฐบาล (2 ต.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เตรียมประกาศพื้นที่ความมั่นคงดูแลการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ตั้งแต่วันที่ 12-27 ตุลาคม นี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการเตรียมการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการเตรียมความพร้อมการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ว่า จะมีการประกาศพื้นที่ความมั่นคงตั้งแต่วันที่ 12-27 ตุลาคมนี้ ทั้ง 9 ตำบลของ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และ 4 ตำบลของ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะใช้กำลังในพื้นที่ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้สิ้นเปลืองงบประมาณ และจะไม่มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เพื่อควบคุมฝูงชน แต่ต้องป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวาย เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง

ส่วน กรณีที่ประเทศกัมพูชา ได้จัดกำลังทหารและเคลื่อนรถถังพร้อมหันปากกระบอกปืนมาที่ฝั่งประเทศไทย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในพื้นที่ยังเป็นปกติอยู่ เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการทั้งสองประเทศ ยังคงพูดคุยสื่อสารกันตลอด ส่วนการที่ชาวบ้านในพื้นที่มีการอพยพออกจากพื้นที่ จะให้เจ้าหน้าที่เร่งทำความเข้าใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการประชุมเตรียมความพร้อม การจัดประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนพร้อมคู่เจรจาในวันที่ 23-25 ตุลาคมนี้ ว่าตนเองไม่รู้สึกกังวลใจ เพราะทางคณะกรรมการในที่ประชุมได้วางแผนอย่างรอบคอบแล้ว ทั้งนี้ได้มีการปรับแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยใหม่ทั้งหมด โดยจะมีการแถลงผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับรายละเอียดของการจัดการจราจรอาเซียนเลน หรือช่องทางสัญจรของผู้นำประเทศและผู้ติดตามที่เข้าร่วมประชุม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนและการดูแลรักษาความปลอดภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล

ทั้งนี้ จะให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้แถลงการณ์ดังกล่าว

อย่าง ไรก็ตาม ในส่วนของการดูแลรักษาความปลอดภัยของผู้นำประเทศต่าง ๆ ได้จัดเตรียมให้มีการรักษาความปลอดภัยตั้งแต่ลงจากเครื่องบินตลอดไปจนถึงที่ ประชุม

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวปฏิเสธิถึงกระแสข่าวที่ว่า ตัวเขาเองและน้องชาย (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) จะลงเล่นการเมืองในนามพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเป็นเพียงข่าวลือ

ที่มา : http://www.atnnonline.com

อาเซียนซัมมิทครั้งที่ 15 : นับถอยหลัง 15 วัน เตรียมประกาศพระราชบัญญัติฯ เริ่ม มีการนับถอยหลังกันแล้ว สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 ตุลาคม 2552 ที่จะถึงนี้ ที่ชะอำ-หัวหิน ถือเป็นโอกาสดีสำหรับประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งในฐานะประธานอาเซียน ที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมถึง 2 ครั้งติดต่อกัน แม้ ที่ผ่านมาจะเกิดปัญหาระหว่างการประชุมไปบ้าง แต่เป็นโอกาสที่ประเทศไทยได้แสดงภาวะความเป็นผู้นำในอาเซียนด้วย ในครั้งนี้ประเทศไทยโดยรัฐบาล ได้พยายามสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่จะมาเข้าร่วมประชุม โดยนำพระราชบัญญัติความมั่นคงภายในราชอาณาจักรไทยมาใช้ด้วย มติคณะรัฐมนตรี จาก การที่คณะรัฐมนตรีได้มีการประชุมในวันที่ 6 ตุลาคม 2552 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้นำพระราชบัญญัติรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรไทยมาใช้ ระหว่างวันที่ 12 - 27 ตุลาคม 2552 โดยประกาศใช้ในพื้นที่ 5 ตำบล ในอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และ 4 ตำบลในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และทะเลอาณาเขตชายฝั่ง ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี และตำบลหัวหิน ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เว้นเขตพระราชฐานวังไกลกังวล โดยมอบให้ กอ.รมน.รับผิดชอบในการดำเนินการตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 รายละเอียดการกำหนดพระราชบัญญัติ การ เตรียมพร้อมด้านการรักษาความปลอดภัยระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 15 นี้ รัฐบาลได้นำกฎหมายถึง 17 ฉบับเพื่อรองรับและดูแลสถานการณ์อย่างรัดกุมดังนี้ พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ. 2547 พระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร์ พ.ศ. 2534 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เฉพาะบทบัญญัติที่เกี่ยวกับมูลนิธิและสมาคม ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เฉพาะบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจสืบสวนและสอบสวน และการใช้อำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ นอกจากนี้ยังได้นำความในมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาใช้อีก 5 ข้อคือ 3.1 ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการหรืองดเว้นการปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง 3.2 ห้ามบุคคลเข้าหรือให้ออกจากบริเวณพื้นที่ อาคารหรือสถานที่ที่กำหนดในห้วงเวลาที่ปฏิบัติการ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่หรือเป็นบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้น 3.3 ห้ามนำอาวุธออกนอกเคหสถาน 3.4 ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะหรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ 3.5 ให้บุคคลปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติอย่างใดอันเกี่ยวกับเครื่องมือหรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิตร่างกาย หรือทรัพย์สินของประชาชน พ.ร.บ. กับ พ.ร.ก. การ ประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง (พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ) ของรัฐบาลระหว่างที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 15 ในปลายเดือนนี้ ถูกนำมาเปรียบเทียบกับการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน (พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน) เมื่อเดือนเมษายน 52 ที่ผ่านมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความแตกต่างของกฎหมายทั้งสองนี้สามารถแจกแจงได้ง่าย ๆ ก็คือ วาระการนำมาใช้ การนำ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน มาใช้ในเดือนเมษายนนั้น เป็นการนำมาประกาศใช้หลังจากที่เกิดหตุความวุ่นวายไปแล้ว แต่ในการประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง นั้นจะเป็นการประกาศก่อนเกิดเหตุการณ์ หน้าที่การนำมาใช้ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า มีการนำ พ.ร.ก. ฉุกเฉินมาใช้หลังจากเกิดเหตุการณ์ ส่วน พ.ร.บ. ความมั่นคงนั้น จะนำมาใช้ก่อนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ดังนั้น พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จึงทำหน้าที่ในการป้องปราบ เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ความสงบ และมีความเข้มข้นมากกว่า พ.ร.บ. ความมั่นคง ที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและป้องปรามไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ โดยตามกฎหมายแล้ว เมื่อประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะไม่สามารถฟ้องร้องเอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานได้ ขั้น ตอนการนำมาใช้ การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน นั้น นายกรัฐมนตรีสามารถประกาศใช้ได้ทันที แต่จะต้องใช้อำนาจตามกฎหมายในการควบคุมการชุมนุมเท่านั้น ต่างกับ พ.ร.บ. ความมั่นคง ที่จะต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และต้องมีแผนดำเนินงานที่ชัดเจน ดังที่ได้ให้รายละเอียดไปแล้วข้างต้น นอกจากนี้จะต้องมีการรายงานต่อรัฐสภาเมื่อปฏิบัติการเสร็จสิ้นลง อันเป็นขั้นตอนและระเบียบที่ชัดเจนในการบังคับใช้ และสามารถตรวจสอบได้ และต้องใช้อำนาจตามกฎหมายในการควบคุมการชุมนุมเช่นเดียวกับการประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ดัง นั้น การประกาศ พ.ร.บ. ความมั่นคง จึงไม่ได้ทำให้เหล่าผู้นำ สูญเสียความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ภายในประเทศไทย เกี่ยวกับความกังวลเรื่องเหตุการณ์ชุมนุมอย่างที่บางคนอาจสงสัย แต่ในทางกลับกัน การประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงนี้ กลับเป็นไปเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้น นโยบายเสริมเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น ทั้ง นี้ นอกจากมีการนำ พ.ร.บ. มาใช้แล้ว รัฐบาลยังมีนโยบายอื่น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อบรรดาผู้นำที่จะเข้ามาร่วมประชุมด้วย ซึ่งได้แก่ การนำรถกันกระสุนมาใช้เพื่อรับผู้นำอาเซียน โดยในการนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กล่าวว่าได้มีการนำรถแลนด์โรเวอร์กันกระสุนมาทดลองใช้ก่อนจะนำมาใช้รับ ส่งผู้นำประเทศที่จะมาร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งจะมีการสั่งเข้ามาจำนวน 20 คัน โดยมีการชี้แจงถึงความเหมาะสมด้านราคา ความพร้อม และการนำมาใช้ โดยหลังจากที่การประชุมอาเซียนเสร็จสิ้น จะมอบให้ศูนย์รักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดูแล และนำมาใช้ในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองหรือผู้นำประเทศต่อไป นับ จากวันนี้ เหลือเวลาอีกเพียง 15 วันเท่านั้น สำหรับประเทศไทยที่จะได้เตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมอา เซียนครั้งที่ 15 รัฐบาลเองได้มีความพยายามหลายประการในการเตรียมความพร้อม ซึ่งนอกจากจะด้านความพร้อมในฐานะสถานที่จัดการประชุมแล้ว ความพร้อมในฐานะประธานอาเซียน ที่จะต้องแสดงศักยภาพและภาวะความเป็นผู้นำอีกด้วย แต่รัฐบาลมิอาจทำทั้งหมดเหล่านี้ได้โดยลำพัง ประชาชนไทย อันเป็นเจ้าของประเทศที่แท้จริงต่างหาก ที่จะต้องมีส่วนร่วมอย่างมากในการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพ เป็นประธาน และเป็นเจ้าของบ้านที่ดีสำหรับแขกบ้านแขกเมืองที่จะมาเยือน กรณัฏฐ์ ขวัญคง เรียบเรียง ชูชาติ เทศสีแดง บรรณาธิการ ทีมา : http://thainews.prd.go.th พิมพ์หน้านี้

Copyright © 2009 Ministry of Foreign Affairs, Kingdom of Thailand All Rights Reserved.
Ministry of Foreign Affairs Sri Ayudhya Road

เมืองทองเนื้อเก้า มะพร้าวสัปปะรด สวยสดหาดเขาถ่ำ งามล้ำน้ำใจ

ประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคกลาง*ตอนล่างซึ่งมีเขตแดนติดต่อกับภาคใต้ และมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นชายหาดต่างๆ หมู่เกาะหรือป่าเขาลำเนาไพร เป็นสถานที่ตากอากาศเก่าแก่ตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า อยู่หัว จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ประจวบคีรีขันธ์เคยเป็นที่ตั้งของเมืองนารัง สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ตั้งเมืองขึ้นใหม่ขึ้นที่ปากคลองอีรม ชื่อว่า เมืองบางนางรม และในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้รวบรวมเมืองบางนางรม เมืองกุย และเมืองคลองวาฬเป็นเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งแปลว่าเมืองที่มีภูเขาเป็นหมู่ๆ โดยมีที่ว่าการเมืองอยู่ที่เมืองกุย จนกระทั่ง พ.ศ. 2441 จึงย้ายที่ว่าการเมืองมาอยู่ที่อ่าวเกาะหลัก หรืออ่าวประจวบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ในปัจจุบัน

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีพื้นที่ประมาณ 6,367.620 ตารางกิโลเมตร ลักษณะพื้นที่แคบเป็นคาบสมุทรยาวลงไปทางใต้ โดยมีส่วนที่แคบที่สุดจากเขตแดนไทย-พม่าด้านตะวันตกจนถึงฝั่งทะเลด้านตะวัน ออกเป็นระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตรอยู่บริเวณด่านสิงขร ท้องที่ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง และมีความยาวจากเหนือจรดใต้เป็นระยะทางประมาณ 212 กิโลเมตร แบ่งการปกครองออกเป็น 8 อำเภอ คือ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี อำเภอกุยบุรี อำเภอทับสะแก อำเภอบางสะพาน อำเภอบางสะพานน้อย และอำเภอสามร้อยยอด

* หมายเหตุ : การจัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์อยู่ในภาคกลาง เป็นการแบ่งตามเขตการปกครองกระทรวงมหาดไทย หากเป็นการแบ่งภาคทางภูมิศาสตร์ตามที่กำหนดไว้ในอักขรานุกรมภูมิศาสตร์ไทย ของราชบัณฑิตสถาน ประจวบคีรีขันธ์จัดอยู่ในภาคตะวันตก

อาณาเขต

ทิศเหนือ ติดกับจังหวัดเพชรบุรี
ทิศใต้ ติดกับจังหวัดชุมพร
ทิศตะวันออก ติดกับอ่าวไทย
ทิศตะวันตก ติดกับสหภาพเมียนม่าร์ โดยมีเทือกเขาตะนาวศรีเป็นเส้นกั้นพรมแดน

หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ

อำเภอเมือง

สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3260 3991-2
ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0 3260 2019, 0 3255 0149
ที่ว่าการอำเภอเมือง โทร. 0 3261 1153
โรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3260 1060–4
สาธารณะสุขจังหวัด โทร. 0 3261 1437
สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมือง โทร. 0 3261 1148
สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์ โทร. 0 3261 1175
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อบจ. โทร. 0 3261 1491
ตำรวจทางหลวง โทร. 1193
ตำรวจท่องเที่ยว โทร. 1155

อำเภอหัวหิน

ที่ว่าการอำเภอหัวหิน โทร. 0 3262 3000, 0 3260 2716
เทศบาลเมืองหัวหิน โทร. 0 3251 1047, 0 3253 2295
เทศบาลเมืองหัวหิน โทร. 0 3253 2293-5
สถานีขนส่งอำเภอหัวหิน โทร. 0 3251 1230
สถานีเดินรถโดยสารประจำทางปรับอากาศชั้นหนึ่ง โทร. 0 3251 1654, 0 3251 2543
สถานีรถไฟหัวหิน โทร. 0 3251 1073
ท่าอากาศยานหัวหิน โทร. 0 3252 0180
โรงพยาบาลหัวหิน โทร. 0 3252 0401, 0 3252 0371
สถานีตำรวจภูธรอำเภอหัวหิน โทร. 0 3253 3440-1
ศูนย์บริการข่าวสารการท่องเที่ยว โทร. 0 3251 1047
ศูนย์ร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อการท่องเที่ยวหัวหิน (รับแจ้งเบาะแส หรือสิ่งผิดปกติ) โทร. 0 3251 9111, 191

Link ที่น่าสนใจ

ข้อมูลตำบลและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์
http://www.thaitambon.com
สำนักงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
http://www.prachuapkhirikhan.go.th

http://thai.tourismthailand.org/destination-guide/prachuapkhirikhan-77-1-1.html